V-012 เรื่อง สัจจธรรมหลวงพ่อเทียน
ตอนที่ 2 หลวงพ่อเทียนสอบอารมณ์ผู้ปฏิบัติธรรม 1
(http://www.youtube.com/watch?v=fSdSZB0S__s&feature=relmfu)
วีดีโอทัศน์กองทุนโตสื่อพระธรม
บันทึกพระธรรมโดย ทวีเกียรติ โตจำเริญ (โต)
ความทุกข์ คือ สภาพธรรมอย่างหนึ่งที่เราไม่สามารถทนรับอยู่ได้
ความทุกข์ เป็นสิ่งที่มีสาเหตุให้เกิด เราเป็นทุกข์ก็เพราะความไม่รู้
ความดับทุกข์ คือ การที่ดับเหตุแห่งทุกข์นั้นได้ จนทุกข์ถูกขจัดหมดไปสิ้น
อริยมรรค เป็นหนทางสายเดียวใช้ขจัดความทุกข์ออกไปอย่างถูกวิธี
เมื่อมีปัญญารู้แล้วว่าวิถีใด ทำให้เราหลุดพ้นไปจากทุกข์
สติสัมปชัญญะ สิ่งที่เราจะต้องมี…….
สติสัมปชัญญะ จะทำให้ปัญญาที่เกิดแล้ว ใช้ดับทุกข์ได้อย่างถาวรตลอดไป
อริยสัจจ์ 4 ความรู้แจ้งสู่ความเป็นอริยชน
……………………………………………………………………………………………………………………
2454- 2554: 100 ปี ชาตกาลหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโก
……………………………………………………………………………………………………………………
หลวงพ่อเทียน: …ไม่ต้องเพ่ง ไม่ต้องอะไร อย่าไปคุมมันมาก มองไกลๆ...ตา อย่ามองใกล้ มองไกลๆ ดูที่นั้นที่นี้ไป มันคิดก็รู้ เมื่อมันไม่คิด ให้มันรู้ รู้กับตัวนี้ รู้อยู่กับการเคลื่อนไหว มันเป็นอย่างนั้น พอมันคิดปุ๊บ ทิ้งไปเลย (กลับ)มาอยู่กับการเคลื่อนไหว เพราะเรารักษาอยู่ที่นี่ ไม่ใช่เอาตาดูนะนี่ ใจมันดูเองมัน แต่อย่าไปเพ่งมัน ถ้าเราไปพยายามดูมัน มองที่เดียว มันเป็นเพ่งแล้ว มันก็เลยทำให้ไม่สมกับที่เราคิดเอา มันเป็นอย่างนั้น
…………………………………………………………………………………………………………………….
หลวงพ่อเทียน: เดินไปก็ให้มันรู้ ยืนอยู่ที่นี่ก็ให้มันรู้ เคลื่อนไหวมากๆ มันคิดรู้ไหม
โยม: รู้ค่ะ
หลวงพ่อเทียน: มันคิดแล้วก็ปล่อยทิ้งไปเลย ให้มาอยู่กับการเคลื่อนไหว พอดีมันคิด ปล่อยทิ้งไป ไม่ต้องไปยึดไปถือมัน แต่ว่าเราเคลื่อนไหวทางนี้ให้มากๆ มันรู้ทุกครั้งไหม หรือมัน... มันคิดไปนานแล้ว(หรือ)ยัง (จึง)รู้
โยม: คิดมาแวบ แวบหนึ่ง แล้วก็รู้
หลวงพ่อเทียน: คิดถึง รู้ทันทีนะ ต้องพยายาม ดูแล้ว...ดูสบายๆ อย่าไปมองเพ่งมัน ถ้าไปมองเพ่ง...จ้องกัน มันจะมึนหัว มองไกลๆ ดูที่นั้นที่นี้ มองไปอย่างนี้ พอดีเดินไป มองไป มันคิดเสีย...ทิ้งไปเลย มาอยู่กับการเคลื่อนไหว พอดีมันคิด ทิ้งไปเลย มาอยู่กับการเคลื่อนไหว เท่านั้นเอง
…………………………………………………………………………………………………………………….
โยม: ก็มีอาการวูบวาบตามเท้า ตามมือน่ะจ้ะ
หลวงพ่อเทียน: แล้วๆ ไป อย่าไปให้มันเป็นอย่างนั้น คือว่า...ทำเฉยๆ มันวูบวาบแล้ว...ก็แล้วไป รู้สึกดีไหม ทำจังหวะ
โยม: รู้สึกค่ะ
หลวงพ่อเทียน: ทำจังหวะ รู้สึกไหม ทำจังหวะ
โยม: รู้ค่ะ
หลวงพ่อเทียน: ให้มันเป็นอารมณ์เดียว ทำอย่างนี้ ทำจังหวะ ทำมา ให้มาอย่างนี้ มาอย่างนี้ มันเป็นอารมณ์เดียว ไปช้าๆ ไป ทำช้าๆ มันคิดก็รู้ไหม
โยม: รู้ค่ะ
หลวงพ่อเทียน: มันคิด เราก็รู้
โยม: จ้ะ
หลวงพ่อเทียน: เราอย่าตามความคิด มันคิดแล้ว...ก็ทิ้งไปเลย แล้วมาอยู่กับการเคลื่อนไหวตัวนี้ ความรู้สึกตัว นี้แหละ เข้าใจไหม
โยม: ค่ะ
หลวงพ่อเทียน: ทำให้มันรู้สึกถึงผิด – ถูกนี่ ทำติดๆ ไป ให้มันเป็นจังหวะๆ เอาละทำเอง
…………………………………………………………………………………………………………………….
หลวงพ่อ: รู้สึกตัวไหม
โยม: ก็ไม่มากค่ะ
หลวงพ่อเทียน: ให้มันรู้สึกตัว เคลื่อนไหว สร้างจังหวะ...รู้ไหม
โยม: รู้ค่ะ
หลวงพ่อ: รู้นะ มันคิดก็รู้ไหม
โยม: รู้ค่ะ แต่มันไม่ค่อยทัน
หลวงพ่อ: ก็แล้วไป อย่าไปเพ่งมัน ทำ...รู้ก็ได้ ไม่รู้ก็ได้ เพียงแต่เราให้มีความรู้มาอยู่ที่นี่ พอดีมันคิด มันจะรู้ทันที จะรู้เองมัน รู้เอง อย่าไปมองใกล้ ถ้าไปมองใกล้...มันจะมึนหัว มึนหัว มึนตา มึนต้นคอ มึนไปทั่วๆ ไปเลย มองไปไกลๆ มองไปไกลๆ แล้วก็มองข้างนั้น มองข้างนี้ อย่าไปมองที่เดียวนะ รู้สึกดีไหม
โยม: ดีค่ะ
หลวงพ่อ: เออ...มันคิดให้รู้ แล้วมาอยู่กับความรู้สึกอันนี้ เข้าใจนะ
โยม: ค่ะ
…………………………………………………………………………………………………………………
หลวงพ่อเทียน: มันเป็นยังไง รู้สึกตัวดีไหม
โยม: รู้สึกตัวดีเจ้าค่ะ
หลวงพ่อเทียน: มันคิดก็รู้ไหม
โยม: รู้เจ้าค่ะ
หลวงพ่อ: ทำความรู้สึกไปมากๆ
โยม: ตอนนี้รู้สึก รู้จักตัวเองดีขึ้นค่ะ
หลวงพ่อเทียน: คือ เรื่องรูปกายภายนอกนี่...มันรู้ แต่มันคิดนี่...มันรู้ไหม เมื่อมันรู้อยู่ตัวนี้แล้ว มันคิด...มัน จะแวบเข้ามา เหมือนหนูมันอยู่ในรูนี้ มันออกมา แมวมันอยู่ข้างนอก มันจะไปจับเอาทันทีเลย อันนี้...ถ้าเรารู้สึกอยู่ที่ตรงนี้ มันคิดออกมา มันจะรู้ทันที อย่าไปมองเพ่งมัน มองไปไกลๆ ดูที่นั้นที่นี้ มองไปอย่างนี้ ถ้ามองใกล้มันเป็นเพ่ง มันจะมึนศีรษะ เข้าใจที่หลวงพ่อพูดไหม
โยม: เข้าใจค่ะ
หลวงพ่อเทียน: ตั้งใจทำไป
……………………………………………………………………………………………………………..…..
หลวงพ่อเทียน: รู้สึกตัวดีไหม
โยม: รู้สึกตัวดีค่ะ
หลวงพ่อเทียน: รู้สึกตัวดี มันคิดก็รู้สึกดีไหม
โยม: ดีค่ะ
หลวงพ่อ: พยายามอย่าหยุด อย่าไปเพ่งมัน ทำให้สบายๆ มองโน้นมองนี้ และมันคิด...ก็รู้ ทำจังหวะมากๆ เข้าใจไหม
โยม: เข้าใจค่ะ
…………………………………………………………………………………………………………………..หลวงพ่อ: เป็นยังไง
โยม: ส่วนใหญ่ ทำแล้วรู้สึกว่าตึงเครียดค่ะ
หลวงพ่อเทียน: อย่าไปเพ่งมัน อย่าไปเพ่งมัน ทำให้มันสบาย ถ้าเราตึงเครียดขึ้นมา...มันมาเพ่ง มึนศีรษะขึ้นมา เป็นอย่างนั้น มองดูไกลๆ ทำจังหวะๆ
หลวงพ่อเทียน: มองไปไกลๆ ให้ส่งความรู้สึกไปไกลๆ แต่อันนี้ก็เพียงรู้สึกน้อยๆ อย่าให้มันมาก ถ้ามันมากไปแล้ว มันตึงเครียดขึ้นมา เข้าใจไหม ถ้าทำอย่างนี้จะสบายไหม เออ...มันต้องทำสบายๆ มองไปไกลๆ สบายๆ
……………………………………………………………………………………………………….…………..
หลวงพ่อเทียน: เพียงรู้สึกนี่ก็พอ รู้สึกดีไหม
โยม: รู้ค่ะ
หลวงพ่อ: มันคิดรู้ไหม
โยม: รู้ค่ะ
หลวงพ่อเทียน: รู้แล้วก็แล้วไป ถ้ามันไม่คิด ก็มาอยู่กับอารมณ์ที่ว่า...เราทำเคลื่อนไหวอย่างนี้ รู้สึกตัวดีไหม
โยม: ค่ะ
หลวงพ่อ: อย่าไปมองเพ่ง มองไปไกลๆ ถ้ามองเพ่ง มันจ้อง มันจะเป็นการเพ่งไป คิดก็รู้ไหม
โยม: รู้ค่ะ
หลวงพ่อเทียน: รู้แล้วก็ปล่อยมันไปเลย อย่าไปยึด ไปถือมัน ทำสบายๆ ไป
…………………………………………………………………………………………………………………….
หลวงพ่อเทียน: เป็นยังไง
โยม: มีใจเต้น ยังมีอยู่
หลวงพ่อเทียน: ใจเต้นยังมี (เพราะ)มันสงบเกินไป คือมันตั้งใจเกินไป อย่าไปตั้งใจมากเกินไป ทำให้มันสบายไป อย่าไปเพ่ง มองไกลๆ อย่าไปเพ่งมัน ทำให้มันสบาย ถ้าใจมันเต้นเร็ว (แสดงว่า)เราคุมมันมากแล้ว ทำให้มันสบายๆ รู้บ้าง ไม่รู้บ้าง รู้สึกดีไหม
โยม: รู้ค่ะ
หลวงพ่อเทียน: มันคิดก็รู้
โยม: รู้ค่ะ
หลวงพ่อเทียน: แล้วปล่อยเลย ทำสบายๆ เข้าใจไหม
โยม: เข้าใจค่ะ
…………………………………………………………………………………………………………………….
พระภิกษุ: รู้สึกดีครับผม
หลวงพ่อเทียน: มันคิดก็รู้ไหม
พระภิกษุ: ครับ
หลวงพ่อเทียน: มันคิดแล้วก็ทิ้งไปเลย ทำความรู้สึก มันคิดแล้วก็ให้ทิ้งไปเลย ให้มันรู้สึกอยู่กับการเคลื่อนไหวภายนอก แต่ข้างในเราอย่าไปเพ่ง อย่าไปตามมันมาก ถ้าไปเพ่งข้างในแล้ว มันจะมึนศีรษะ
พระภิกษุ: ครับ บางทีถ้าเพ่ง มันตื้อเลยครับ มันคิดไม่ออก แล้วก็ไม่เห็น
หลวงพ่อเทียน: ทำสบายๆ เลย มองไกลๆ มองโน้น มองนี้ไป มันคิด...รู้สึกตัว ทำเหมือนแมวกับหนู พอดีหนูมันอยู่ในรูมัน มันจะวิ่งออกมาปากรู แมวมันตะครุบเอากับปากรู อันความคิดนั้นก็คือกัน (เหมือนกัน) มันอยู่ที่ไหนก็ไม่ทราบ เราเผลอๆ มัน(จึง)คิด ทำให้มันเผลอๆ ถ้าไปเพ่งมันแล้ว มันจะไม่คิดเลย เข้าใจไหม
พระภิกษุ: ครับผม
……………………………………………………………………………………………….………………….
โยม: มันชอบเผลอครับ เวลาสร้างจังหวะ
หลวงพ่อเทียน: เผลอก็แล้วไป อย่าไปเพ่งมัน ทำให้มันสบายๆ มันคิดก็รู้ อย่าไปเพ่งมัน ทำสบายๆ คือเราไปตั้งใจมากเกินไป แล้วมันก็ไม่ได้ ไม่ต้องตั้งใจอะไรมาก ทำเพียงรู้สึกเท่านั้นเอง รู้สึกดีไหม
โยม: รู้สึกครับ
หลวงพ่อเทียน: เออ...ให้มันรู้สึกแล้วก็พอ รู้สึกมัน รู้สึก...ก็ทิ้งไปเลย มันคิดก็รู้ไหม รู้ก็แล้วไป ทำความรู้สึกอยู่ เท่านั้นเอง เราทำความรู้สึก มันคิดแล้วก็ปล่อยมันไปเลย เรามารู้สึกตัวอยู่ที่นี่ มันคิดก็ทิ้งไปเลย เราให้รู้...มันคิดแล้ว ก็พอ
โยม: มันเฉยๆ ก็มี
หลวงพ่อเทียน: ไม่คิดก็แล้วไป อย่าไปดูมัน มันไม่คิดแล้ว ก็แล้วไป เท่านั้นเอง
…………………………………………………………………………………………………………………….
หลวงพ่อเทียน: ทำความรู้สึกสบายๆ พอดีถ้ามันคิดก็ปล่อยไปเลย ให้มารู้สึกตัว
พระภิกษุ: ปฏิบัติแล้วสบาย
หลวงพ่อเทียน: สบาย มันสบายยังไง
พระภิกษุ: มันเบาตัว เดินไปเดินมา...ก็เบาตัว
หลวงพ่อเทียน: เบาตัว เบาแล้วก็แล้วไป รู้สึกดีไหมว่ามันเบา
พระภิกษุ: ครับ รู้สึกครับ
หลวงพ่อเทียน: ให้เรารู้สึก มันเบาก็ให้มันรู้ มันเป็นยังไง...ให้มันรู้ ตัวสำคัญ...คือมันคิด ที่มันเบาตัวเป็นครั้งเป็นคราวน่ะ มันเป็นมายาของจิตใจ นั่นเรียกว่ามันเป็นมายา จิตใจคนนี่...มันไม่มีตน ไม่มีตัว มันหลอกเก่ง มันทำอันนั้นอันนี้ ประเดี๋ยวก็ให้มีทุกข์บ้าง มีสุขบ้าง เข้าใจไหม
พระภิกษุ: ครับ
หลวงพ่อ: มีพอใจ (มี)ไม่พอใจ มีดีใจ มีเสียใจ...นี่ มันไม่ใช่เป็นชีวิต มันเป็นกิเลส กิเลสนี่สำคัญ เราจะเอาชนะกิเลสเนี่ย ไม่ใช่จะเอาชนะด้วย(การเอา)ค้อนไปตีมัน หรือเอามีดไปฆ่ามัน มันไม่ได้ เราต้องทำความรู้สึกตัว...ตื่นตัว เท่านั้นเอง เข้าใจไหม ที่หลวงพ่อพูดนี่
พระภิกษุ: เข้าใจครับ
หลวงพ่อเทียน: เข้าใจ ต้องตั้งใจทำดีๆ เพื่อให้มันเข้าใจ ซาบซึ้งดีๆ
…………………………………………………………………………………………………….………………
ถอดเสียงโดย คุณภัทรินทร์ กินีสี
ตรวจสอบและแก้ไขโดย คุณอุ้ม